ระบบโครงกระดูก
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตทีมีวิวัฒนาการที่ซับซ้อน
มีอวัยวะต่างๆทำงานสอดคล้องกันเป็นระบบ กระดูกคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น แบ่งประเภทได้ดังนี้
กระดูกแกนกลางของร่างกาย (Axial skeletal) มีทั้งหมด 80 ชิ้น ได้แก่
1. กระดูกกะโหลกศรีษะ (Cranium)
-กระดูกหน้าผาก (Frontal bone) 1 ชิ้น
-กระดูกด้านข้างศรีษะ (Parietal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกขมับ (Temporal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกท้ายทอย (Occipital bone) 1 ชิ้น
-กระดูกขื่อจมูก (Ethmoid bone) 1 ชิ้น
-กระดูกรูปผีเสื้อ (Sphenoid bone) 1 ชิ้น
2. กระดูกใบหน้า (Bone of face)
-กระดูกสันจมูก (Nasal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกกั้นช่องจมูก (Vomer) 1 ชิ้น
-กระดูกข้างในจมูก (Inferior concha) 2 ชิ้น
-กระดูกถุงน้ำตา (Lacrimal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกโหนกแก้ม (Zygomatic bone) 2 ชิ้น
-กระดูกเพดาน (Palatine bone) 2 ชิ้น
-กระดูกขากรรไกรบน (Maxillary) 2 ชิ้น
-กระดูกขากรรไกรล่าง (Mandible) 1 ชิ้น
3. กระดูกหู (Bone of ear)
-กระดูกรูปฆ้อน (Malleus) 2 ชิ้น
-กระดูกรูปทั่ง (Incus) 2 ชิ้น
-กระดูกรูปโกลน (Stapes) 2 ชิ้น
4. กระดูกโคนลิ้น (Hyoid bone) 1 ชิ้น
5. กระดูกสันหลัง (Vertebrae) 26 ชิ้น ได้แก่
-กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical vertebrae) 7 ชิ้น
-กระดูกสันหลังส่วนอก (Thoracic vertebrae) 12 ชิ้น
-กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar vertebrae) 5 ชิ้น
-กระดูกกระเบนเหน็บ (Sacrum) 1 ชิ้น
-กระดูกก้นกบ (Coccyx) 1 ชิ้น
6. กระดูกทรวงอก (Sternum) 1 ชิ้น
7. กระดูกซี่โครง (Rib) 24 ชิ้น
กระดูกระยางค์ (Appendicular skeletal)
-ประกอบด้วย กระดูก 126 ชิ้น ได้แก่
1. กระดูกไหล่ (Shoulder girdle) ประกอบด้วย
-กระดูกไหปลาร้า (Clavicle) 2 ชิ้น
-กระดูกสะบัก (Scapular) 2 ชิ้น
2. กระดูกต้นแขน (Humerus) 2 ชิ้น
3. กระดูกปลายแขน (Bone of forearm) ประกอบด้วย
-กระดูกปลายแขนท่อนใน (Ulna) 2 ชิ้น
-กระดูกปลายแขนท่อนนอก (Radius) 2 ชิ้น
4. กระดูกข้อมือ (Carpal bone) 16 ชิ้น
5. กระดูกฝ่ามือ (Metacarpal bone) 10 ชิ้น
6. กระดูกนิ้วมือ (Phalanges) 28 ชิ้น
7. กระดูกเชิงกราน (Hip bone) 2 ชิ้น
8. กระดูกต้นขา (Femur) 2 ชิ้น
9. กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) 2 ชิ้น
10. กระดูกน่อง (Fibula) 2 ชิ้น
11. กระดูกข้อเท้า (Tarsal bone) 14 ชิ้น
12. กระดูกฝ่าเท้า (Metatarsal bone) 10 ชิ้น
13. กระดูกนิ้วเท้า (Phalanges) 28 ชิ้น
จำนวนของกระดูก (Number of bone)
จำนวนของกระดูกทั้งหมดในร่างกาย หมายถึง กระดูกในผู้ใหญ่ที่เจริญเต็มที่แล้ว มีทั้งสิ้น 206 ชิ้น โดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้
-กะโหลกศรีษะ( Cranium) 8 ชิ้น
-กระดูกหน้า (Face) 14 ชิ้น
-กระดูกหู (Ear) 6 ชิ้น :กระดูกโคนลิ้น (Hyoid bone) 1 ชิ้น
-กระดูกสันหลัง 26 ชิ้น
-กระดูกหน้าอก (Sternum) 1 ชิ้น
-กระดูกซี่โครง (Ribs) 24 ชิ้น
-กระดูกแขน (Upper extremities) 64 ชิ้น
-กระดูกขา (Lower extremities) 62 ชิ้น
มีอวัยวะต่างๆทำงานสอดคล้องกันเป็นระบบ กระดูกคนเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น แบ่งประเภทได้ดังนี้
กระดูกแกนกลางของร่างกาย (Axial skeletal) มีทั้งหมด 80 ชิ้น ได้แก่
1. กระดูกกะโหลกศรีษะ (Cranium)
-กระดูกหน้าผาก (Frontal bone) 1 ชิ้น
-กระดูกด้านข้างศรีษะ (Parietal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกขมับ (Temporal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกท้ายทอย (Occipital bone) 1 ชิ้น
-กระดูกขื่อจมูก (Ethmoid bone) 1 ชิ้น
-กระดูกรูปผีเสื้อ (Sphenoid bone) 1 ชิ้น
2. กระดูกใบหน้า (Bone of face)
-กระดูกสันจมูก (Nasal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกกั้นช่องจมูก (Vomer) 1 ชิ้น
-กระดูกข้างในจมูก (Inferior concha) 2 ชิ้น
-กระดูกถุงน้ำตา (Lacrimal bone) 2 ชิ้น
-กระดูกโหนกแก้ม (Zygomatic bone) 2 ชิ้น
-กระดูกเพดาน (Palatine bone) 2 ชิ้น
-กระดูกขากรรไกรบน (Maxillary) 2 ชิ้น
-กระดูกขากรรไกรล่าง (Mandible) 1 ชิ้น
3. กระดูกหู (Bone of ear)
-กระดูกรูปฆ้อน (Malleus) 2 ชิ้น
-กระดูกรูปทั่ง (Incus) 2 ชิ้น
-กระดูกรูปโกลน (Stapes) 2 ชิ้น
4. กระดูกโคนลิ้น (Hyoid bone) 1 ชิ้น
5. กระดูกสันหลัง (Vertebrae) 26 ชิ้น ได้แก่
-กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical vertebrae) 7 ชิ้น
-กระดูกสันหลังส่วนอก (Thoracic vertebrae) 12 ชิ้น
-กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar vertebrae) 5 ชิ้น
-กระดูกกระเบนเหน็บ (Sacrum) 1 ชิ้น
-กระดูกก้นกบ (Coccyx) 1 ชิ้น
6. กระดูกทรวงอก (Sternum) 1 ชิ้น
7. กระดูกซี่โครง (Rib) 24 ชิ้น
กระดูกระยางค์ (Appendicular skeletal)
-ประกอบด้วย กระดูก 126 ชิ้น ได้แก่
1. กระดูกไหล่ (Shoulder girdle) ประกอบด้วย
-กระดูกไหปลาร้า (Clavicle) 2 ชิ้น
-กระดูกสะบัก (Scapular) 2 ชิ้น
2. กระดูกต้นแขน (Humerus) 2 ชิ้น
3. กระดูกปลายแขน (Bone of forearm) ประกอบด้วย
-กระดูกปลายแขนท่อนใน (Ulna) 2 ชิ้น
-กระดูกปลายแขนท่อนนอก (Radius) 2 ชิ้น
4. กระดูกข้อมือ (Carpal bone) 16 ชิ้น
5. กระดูกฝ่ามือ (Metacarpal bone) 10 ชิ้น
6. กระดูกนิ้วมือ (Phalanges) 28 ชิ้น
7. กระดูกเชิงกราน (Hip bone) 2 ชิ้น
8. กระดูกต้นขา (Femur) 2 ชิ้น
9. กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) 2 ชิ้น
10. กระดูกน่อง (Fibula) 2 ชิ้น
11. กระดูกข้อเท้า (Tarsal bone) 14 ชิ้น
12. กระดูกฝ่าเท้า (Metatarsal bone) 10 ชิ้น
13. กระดูกนิ้วเท้า (Phalanges) 28 ชิ้น
จำนวนของกระดูก (Number of bone)
จำนวนของกระดูกทั้งหมดในร่างกาย หมายถึง กระดูกในผู้ใหญ่ที่เจริญเต็มที่แล้ว มีทั้งสิ้น 206 ชิ้น โดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้
-กะโหลกศรีษะ( Cranium) 8 ชิ้น
-กระดูกหน้า (Face) 14 ชิ้น
-กระดูกหู (Ear) 6 ชิ้น :กระดูกโคนลิ้น (Hyoid bone) 1 ชิ้น
-กระดูกสันหลัง 26 ชิ้น
-กระดูกหน้าอก (Sternum) 1 ชิ้น
-กระดูกซี่โครง (Ribs) 24 ชิ้น
-กระดูกแขน (Upper extremities) 64 ชิ้น
-กระดูกขา (Lower extremities) 62 ชิ้น
แบ่งตามลักษณะกระดูก
ข้อต่อและกระดูก
กระดูกที่ละท่อนต่อเชื่อมกันด้วยเอ็นซึ่งต่อกันได้หลายแบบแล้วแต่การเคลื่อนที่ การที่กระดูกประกอบด้วยชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาต่อๆกัน ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวลราบรื่นมากขึ้น
- กระดูกยาว ได้แก่ กระดูกแขน กระดูกขา
- กระดูกสั้น ได้แก่ กระดูกข้อมือ กระดูกข้อเท้า
- กระดูกแบน ได้แก่ กระดูกซี่โครง กระดูกอก กระดูกสะบัก
- กระดูกยาว รูปร่างไม่แน่นอน ได้แก่ กะโหลกศีรษะ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน
- กระดูกลม
- กระดูก โพรง กะโหลกศีรษะหน้าที่ของกระดูก
หน้าที่ของกระดูก
- ช่วยรองรับอวัยวะต่างๆ ให้ทรงและตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ควรอยู่ (Organ of
- support)
- เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนไหว เช่น พาร่างกายย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
(Instrument of locomotion)
- เป็นโครงของส่วนแข็ง (Framework of hard material)
- เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อต่างๆ และ Ligament
เพื่อทำหน้าที่เป็นคานให้กล้ามเนื้อทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
- ช่วยป้องกันอวัยวะสำคัญไม่ให้ได้รับอันตราย เช่น สมอง ปอด และหัวใจ เป็นต้น
- ทำให้ร่างกายคงรูปได้ (Shape to whole body)
- ภายในกระดูกมีไขกระดูก(Bone marrow) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดเลือด(Blood cell)
- เป็นที่เก็บแร่ธาตุ Calcium ในร่างกาย
- ป้องกันเส้นประสาทและหลอดเลือดที่ทอดอยู่ตามแนวของกระดูกนั้น
ข้อต่อและกระดูก
กระดูกที่ละท่อนต่อเชื่อมกันด้วยเอ็นซึ่งต่อกันได้หลายแบบแล้วแต่การเคลื่อนที่ การที่กระดูกประกอบด้วยชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาต่อๆกัน ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวลราบรื่นมากขึ้น
- กระดูกที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น กะโหลกศีรษะ
- กระดูกเคลื่อนที่ได้เล็กน้อย เช่น กระดูกบริเวณก้นกบ
- กระดูกแบบบานพับ เช่น กระดูกต้นแขน ข้อต่อบริเวณหัวเข่า
- กระดูกแบบหัวกลม เช่น กระดูกกะโหลกศีรษะ กระดูกต้นคอ กระดูกต้นขา กระดูกสะบักเป็นต้น
ซ้ายคือแบบบานพับ ขวาคือแบบโพรง
การเคลื่อนไหวของข้อต่อ
การบำรุงรักษาและพัฒนาโครงร่าง
ข้อเคล็ด เกิดจากเส้นเอ็นที่ยึดติดกระดูกฉีกขาด ทำให้อักเสบบวมบริเวณข้อต่อ และห้อเลือด รักษาโดยใช้น้ำแข็งประคบ
อาหารช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก เช่นอาหารพวกที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นมสด ไข่แดง ผักใบเขียว ผลไม้ และอาหารที่มีวิตามินดี เช่น น้ำมันตับปลา ผักสด การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนากระดูกให้เจริญอย่างเต็มที่และแข็งแรง ระวังอย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเพราะอาจทำให้ข้อต่อชำรุดเสื่อมสภาพเร็ว
โรคเกี่ยวกับกระดูก มาจากหลายสาเหตุ
- เคลื่อนได้ระนาบเดียวกัน(แบบบานพับ) เช่น ข้อศอก ข้อเข่า
- เคลื่อนได้2 ระนาบ เช่น ข้อมือ กระดกขึ้น-ลง
- เคลื่อนได้ 3 ระนาบ เช่น ข้อไหล่ ข้อสะโพก
การบำรุงรักษาและพัฒนาโครงร่าง
ข้อเคล็ด เกิดจากเส้นเอ็นที่ยึดติดกระดูกฉีกขาด ทำให้อักเสบบวมบริเวณข้อต่อ และห้อเลือด รักษาโดยใช้น้ำแข็งประคบ
- ท่ายืนควรยืดไหล่หลังตรง แอ่นเล็กน้อยบริเวณคอ
- หน้าอกแอ่น ตะโพกยื่น ทำให้กระดูกสันหลังช่วงเอวแอ่นมากทำให้เกิดอาการปวดหลัง
- การนั้งเอามือเท้าคาง หลังงอ ทกให้กรดูกสันหลังโก่ง ปวดหลัง
- การเดินเอาส้นเท้าลงก่อน ทำให้พยุงน้ำหนักได้ดี
เดินเร็วแล้วมีความรู้สึกว่าตัวเบากว่าการเดินเอาปลายเท้าลง
อาหารช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก เช่นอาหารพวกที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นมสด ไข่แดง ผักใบเขียว ผลไม้ และอาหารที่มีวิตามินดี เช่น น้ำมันตับปลา ผักสด การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนากระดูกให้เจริญอย่างเต็มที่และแข็งแรง ระวังอย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเพราะอาจทำให้ข้อต่อชำรุดเสื่อมสภาพเร็ว
โรคเกี่ยวกับกระดูก มาจากหลายสาเหตุ
- จากพันธุกรรม
- จากเชื้อโรค
- จากสิ่งแวดล้อม
- จากวัย, อายุที่เพิ่มขึ้น